บางกอกแอร์เวย์สแถลงแผนดำเนินธุรกิจปี 2561
บางกอกแอร์เวย์สแถลงแผนดำเนินธุรกิจปี 2561

กรุงเทพฯ / 26 กุมภาพันธ์ 2561 - (วันนี้) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส นำโดย นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นายพรต เสตสุวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาด และ นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายขาย จัดงานแถลงข่าว “แผนดำเนินธุรกิจปี 2561 ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส” ณ ห้องมณฑาทิพย์ 1 โรงแรมอนันตราสยาม กรุงเทพฯ

นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 28,493.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 และมีผลกำไรสุทธิ 846.4 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 787.9 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น อัตราการเติบโตของผู้โดยสารปี 2560 เท่ากับร้อยละ 5 โดยมีจำนวนผู้โดยสารทั้งสิ้น 5.944 ล้านคน อัตราการบรรทุกผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 68.5 บริษัทฯ วางเป้าในปี 2561 รายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 และอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยร้อยละ 70”

“และในปี 2560 ที่ผ่านมาบางกอกแอร์เวย์สได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากหลากหลายสถาบัน และหนึ่งในความภูมิใจคือรางวัลสกายแทรกซ์อวอร์ด 2017 ในฐานะที่เป็นสายการบินระดับภูมิภาคยอดเยี่ยมของโลกและสายการบินระดับภูมิภาคยอดเยี่ยมของเอเชีย และปี 2561 นี้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้โดยสาร และได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสริมการให้บริการ อาทิ การเปิดให้บริการห้องรับรองผู้โดยสารระหว่างประเทศแห่งใหม่ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีความทันสมัย กว้างขวาง และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น การเปิดตัว บางกอกแอร์เวย์สโมบายแอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่นล่าสุด3.0.0 ซึ่งให้บริการผู้โดยสารตั้งแต่ขั้นตอนการสำรองที่นั่ง โดยสามารถเลือกที่นั่งและความต้องการพิเศษต่างๆ ได้ เช่น การเลือกประเภทอาหาร ประกันภัยการเดินทาง ตลอดจนสามารถตรวจสอบตารางบิน รวมถึงเช็คอินออนไลน์ได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่นบนมือถือสมาร์ทโฟน

“แผนการเปิดเส้นทางบินใหม่ในปี 2561 นี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายโครงข่ายเส้นทางการบินให้ครอบคลุมเมืองสำคัญทางธุรกิจหรือแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในภูมิภาคเอเชีย และตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารและสายการบินพันธมิตร โดยใช้กรุงเทพ (สุวรรณภูมิ) เกาะสมุย และเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางทางการบิน โดยเส้นทางบินที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ ได้แก่ เชียงใหม่-ฮานอย (เวียดนาม) ที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 25 มีนาคมศกนี้ และเส้นทางภูเก็ต–ย่างกุ้ง (เมียนมาร์) ที่จะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี สำหรับเส้นทางสมุย บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดให้บริการแบบเช่าเหมาลำในช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยว ในเส้นทางบินระหว่างเกาะสมุยกับเมืองสำคัญของประเทศจีน อาทิ สมุย-ซีอาน และ สมุย-ฉางซา นอกจากนี้ บริษัทฯ จะเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินในเส้นทางบินที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ เส้นทางบินไป-กลับ กรุงเทพ-ภูเก็ต เพิ่มเป็น 66 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เส้นทางบินไป-กลับ กรุงเทพ-เวียงจันทน์ (ลาว) เพิ่มเป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเส้นทางบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-มัณฑะเลย์ (เมียนมาร์) เพิ่มเป็น 11 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

“การเพิ่มเครือข่ายพันธมิตรทางการบินผ่านการทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วม (Codeshare Agreement) กับสายการบินชั้นนำ ในปี 2560 บริษัทฯ ได้ทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วมกับสายการบินชั้นนำจำนวน 4 สาย อาทิ เซี๊ยะเหมินแอร์ไลน์ ฮ่องกงแอร์ไลน์ การบินไทย เวียดนามแอร์ไลน์ และล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ บริษัทฯ มีการทำข้อตกลงเที่ยวบินร่วมกับสายการบินแอล อัล อิสราเอลแอร์ไลน์ ของประเทศอิสราเอล ซึ่งทำให้ ณ ปัจจุบันบริษัทฯ มีข้อตกลงเที่ยวบินร่วมกับ 24 สายการบิน และจะมีการลงนามข้อตกลงเที่ยวบินร่วมกับสายการบินเพิ่มเติมอีก 4 - 6 สายการบิน

“ด้านการเพิ่มฝูงบิน ปัจจุบัน บริษัทฯ มีเครื่องบินในฝูงบินจำนวน 38 ลำ โดยมีแผนที่จะรับมอบเครื่องบินแบบแอร์บัสจำนวน 2 ลำ และจะปรับเปลี่ยนฝูงบินเครื่องบินแบบเอทีอาร์ โดยจะทำการปลดระวาง เครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72-500 ในปีนี้จำนวน 4 ลำ และต้นปีหน้าอีกจำนวน 2 ลำ และรับมอบเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72-600 อีกจำนวน 2 ลำ ซึ่งจะทำให้ในปี 2561 บริษัทฯ มีจำนวนเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 38 ลำ

“ในส่วนการขยายธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนธุรกิจการบิน อาทิ การสร้างโรงซ่อมอากาศยานสุโขทัย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการออกแบบ และจัดเตรียมพื้นที่ ซึ่งเมื่อก่อสร้างเสร็จจะสามารถรองรับการตรวจซ่อมอากาศยานได้ถึงระดับ C-Check สำหรับธุรกิจครัวการบิน บางกอกแอร์เคเทอริ่ง จำกัด (Bangkok Air Catering) หรือ BAC ปัจจุบันมีลูกค้าจำนวน 24 สายการบิน โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดให้บริการ ครัวการบินกรุงเทพ สาขาสนามบินภูเก็ต และธุรกิจอาหารแปรรูปภายใต้แบรนด์ กูร์เมท์พรีโม่ (Gourmet Primo) และบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดครัวการบินเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง คือ ครัวการบินกรุงเทพ สาขาสนามบินเชียงใหม่ ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2562 สำหรับธุรกิจบริการภาคพื้นของบริษัทบางกอกไฟลต์เซอร์วิสเซส จำกัด (Bangkok Flight Services) ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้ากว่า 74 สายการบิน และคาดว่าภายในปีนี้จะมีลูกค้าสายการบินเพิ่มอีก 4 สาย และธุรกิจสถานีพักสินค้า (BFS Cargo) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนลูกค้ากว่า 67 สายการบิน และคาดว่าภายในปีนี้จะมีลูกค้าสายการบินเพิ่มอีก 4 สาย

“สำหรับโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการให้บริการและบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นพันธกิจหลักควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ และเพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าว มีประสิทธิภาพและมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนรอบสนามบินทั้ง 3 แห่ง คือ สนามบินสมุย สนามบินตราด และสนามบินสุโขทัย ตลอดจนจุดหมายปลายทางที่บริษัทฯทำการบินไป โดยเข้าไปสร้างความสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่น ในรูปแบบการสร้างเครือข่ายและการจัดการด้านความรู้ในชุมชน การสร้างจิตสำนึกสาธารณะ การร่วมกับชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เป็นต้น” นายพุฒิพงศ์กล่าวเสริม

นายพรต เสตสุวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาด เผยถึงแผนการตลาดปี 2561 ว่า “ในปีนี้บางกอกแอร์เวย์สดำเนินธุรกิจด้านการบินมาครบรอบ 50 ปี เราจะเน้นการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางขึ้น มีความใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อสร้างความผูกพันรวมทั้งเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์และสร้างการรับรู้การให้บริการของ

บางกอกแอร์เวย์ส ในฐานะสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Airline) ตามสโลแกน เอเชียบูทีคแอร์ไลน์ (Asia’s Boutique Airline) หรือ ความประทับใจแห่งเอเชีย จะมีบทเพลงพิเศษที่แต่งขึ้นและขับร้องโดยศิลปินที่มีชื่อเสียง และมีภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษที่ผู้โดยสารของเราเล่าประสบการณ์และส่งต่อความประทับใจในการเดินทางกับบางกอกแอร์เวย์ส นอกจากนี้สายการบินฯ จะจับมือกับ 2 แบรนด์ระดับโลกเพื่อสร้างแบรนด์บางกอกแอร์เวย์สให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากลอีกด้วย

“และตลอดทั้งปี 2561 สายการบินฯ จะมีกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น อาทิ บางกอกแอร์เวย์สบูทีคซีรี่ย์ (Bangkok Airways Boutique Series) รายการแข่งขันวิ่งมาราธอนใน 7 เส้นทางบินของสายการบินฯ ได้แก่ ตราด ลำปาง สุโขทัย เชียงใหม่ เชียงราย สมุย และกระบี่ การสนับสนุนรายการแข่งขันชกมวยไทยไฟต์ (Thai Fight) การสนับสนุนทีมฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 2 ทีม คือ สมุยซิตี้เอฟซี และ เชียงรายซิตี้เอฟซี ทำให้ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนทีมฟุตบอลอาชีพรวมทั้งสิ้น 9 ทีม (เชียงรายยูไนเต็ด เชียงใหม่เอฟซี กระบี่เอฟซี ลำปางเอฟซี สุโขทัยเอฟซี ตราดเอฟซี เกษตรศาสตร์เอฟซี) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนในการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ งานตรุษจีนย้อนอดีตที่ภูเก็ต งานอินเตอร์เนชั่นแนล บอลลูน เฟียสต้า 2561 ที่เชียงราย งานพระจันทร์หลากสีที่เกาะพงัน งานสงกรานต์ ที่เชียงใหม่ และมีแผนจัดเทศกาลดนตรีนานาชาติที่เกาะสมุย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่เกาะสมุยในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวอีกด้วย

“สำหรับตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV สายการบินฯ จะเน้นการลงโฆษณาส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นให้นักเดินทางจากกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล อาทิ สมุย ภูเก็ต กระบี่ ตราด โดยใช้เครือข่ายเส้นทางบินของบางกอกแอร์เวย์ส นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะยกระดับความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่ทำงานด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอินโดจีน จัดทำแคมเปญด้านการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาคมากขึ้น

“สำหรับแผนการตลาดในทวีปยุโรป สายการบินฯ มีการทำความร่วมมือกับสายการบินพันธมิตรหลายสายการบิน ในการออกแคมเปญ Five Unseen Paradises เพื่อกระตุ้นให้ผู้โดยสารชาวยุโรปเดินทางไปท่องเที่ยวยัง 5 แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่บางกอกแอร์เวย์สให้บริการ คือ ตราด สุโขทัย เชียงราย ลำปาง และดานัง (เวียดนาม) นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือทางการตลาดกับทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำของยุโรปในการเป็นพันธมิตรการบินระดับภูมิภาค (Regional Airline Partner) โดยความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของบางกอกแอร์เวย์สในระดับสากลแล้ว ยังจะช่วยทำให้สายการบินฯ สร้างฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

“สำหรับแผนการขยายกลุ่มลูกค้าและเพิ่มจำนวนลูกค้า บริษัทฯ จะมีแคมเปญที่ออกแบบมาเฉพาะกลุ่ม อาทิ แคมเปญ U Fare By Bangkok Airways บัตรโดยสารราคาพิเศษเพื่อจูงใจให้กลุ่มนิสิตนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัยมาลองใช้บริการของบางกอกแอร์เวย์ส โดยแคมเปญนี้เป็นแคมเปญที่ต่อยอดมาจากปีที่แล้วและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยปีนี้มีการพัฒนาระบบให้สามารถดำเนินการสำรองที่นั่งผ่านเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bangkokairways.com/ufare และจะเน้นกระตุ้นแคมเปญ Resident Card อย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดหรือพื้นที่ใกล้เคียงสนามบินทั้ง 3 แห่งของบางกอกแอร์เวย์ส คือ เกาะสมุย สุโขทัย และตราด ที่มอบสิทธิประโยชน์ในการซื้อบัตรโดยสารของสายการบินฯ ในราคาพิเศษ

“สายการบินฯ ยังมีแผนในการรักษากลุ่มลูกค้าเดิม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าสมาชิกรายการสะสมคะแนนฟลายเออร์โบนัสของสายการบินฯ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี อาทิ กิจกรรม Exclusive Trip ที่นำสมาชิกฯ ประเภทพรีเมียร์เดินทางไปท่องเที่ยวยังจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ กิจกรรม Exclusive Concert เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการตอบแทนสมาชิกฯ โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้าหรือสายการบินคู่ค้าของรายการสะสมคะแนนฟลายเออร์โบนัส ในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก อาทิ การใช้คะแนนแลกของรางวัลต่างๆ เพื่อให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น” นายพรต กล่าวเสริม

นายวรงค์ อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายขาย เปิดเผยถึงแผนการขายปี 2561 ว่า “ในปีนี้ สายการบินฯ จะมุ่งเน้นการกระตุ้นการขายในกลุ่มประเทศ CMLV คือ กัมพูชา เมียนมาร์ ลาว และ เวียดนาม ซึ่งจะเป็นตลาดคนท้องถิ่นในประเทศ หรือนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังประเทศในกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่ดี มีจำนวนของผู้โดยสารที่เดินทางเพื่อท่องเที่ยวและธุรกิจเพิ่มมากขึ้นและมีกำลังซื้อมากขึ้น โดยปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์ส มีให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่าง กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ไปสู่ประเทศในกลุ่ม CLMV กว่าวันละ 40 เที่ยวบิน และยังมีแผนที่จะเพิ่มเที่ยวบินหรือเส้นทางบินเชื่อมต่อเพิ่มเพื่อรองรับความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการขายในตลาดนี้ สายการบินฯ ได้ออกโปรโมชั่น “Go Samui” บัตรโดยสาราคาพิเศษแบบราคาเดียว (through-fare) สำหรับผู้โดยสารในกลุ่มประเทศ CLMV ที่จะสามารถเดินทางจากประเทศต้นทางมาท่องเที่ยวที่เกาะสมุยได้ในราคาเดียว ซึ่งทางสายการบินฯ มองเห็นว่าโปรโมชั่นบัตรโดยสารนี้จะสร้างความน่าสนใจให้กับนักเดินทางเป็นอย่างมาก และมีแผนที่จะทำโปรโมชั่นนี้ในเส้นทางอื่นๆ ของสายการบินฯ เพิ่มขึ้น อาทิ ตราด สุโขทัย เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น

“นอกเหนือจากกลุ่มประเทศดังกล่าวแล้ว สายการบินฯ ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าจากเมืองเศรษฐกิจ อาทิ ฮ่องกง กวางโจว เฉินตู ฉงชิ่ง ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีกำลังในการซื้อสูง โดยปัจจุบัน บริษัทให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่าง สมุย-ฮ่องกง สมุย–เฉินตู สมุย-กวางโจว สมุย-ฉงชิ่ง และมีแผนที่จะขยายเส้นทางบินโดยการเปิดให้บริการเที่ยวบินแบบเหมาลำจากสมุยไปยังเมืองสำคัญต่างๆ ในประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น อาทิ ซีอาน และ ฉางซา นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา สายการบินฯ ได้มีการทำความร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศจีน ในการขายแพ็คเกจท่องเที่ยวและบัตรโดยสารเครื่องบินอีกด้วย

“ในปี 2561 นี้ สายการบินฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายผ่านบริษัทนำเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent) มากขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ โดยล่าสุด สายการบินฯ ได้มีการลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท เอ็กซ์พีเดีย (Expedia) ซึ่งถือเป็นบริษัทนำเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้สายการบินฯ สามารถเสนอช่องทางในการจองบัตรโดยสารได้หลากหลายมากขึ้นผ่านทางแพลตฟอร์มของเอ็กซ์พีเดีย รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบางกอกแอร์เวย์สให้สามารถเข้าถึงลูกค้าจากทั่วโลกได้อีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาลงนามความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทนำเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ของโลกเพิ่มเติม รวมถึงมีแผนที่จะร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยวออนไลน์ในประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเพื่อเพิ่มช่องทางการขายบัตรโดยสารของสายการบินฯ อีกด้วย อาทิ ประเทศสเปน ประเทศรัสเซีย เป็นต้น

“นอกจากนี้ สายการบินฯ ยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าในตลาดอเมริกา แอฟริกาใต้ และยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษารัสเซียเป็นหลัก อาทิ ประเทศรัสเซีย ประเทศคาซัสสถาน และประเทศอุซเบกิซสถาน ที่เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงและมีความสนใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง บริษัทฯ จึงได้ทำการแต่งตั้งตัวแทนการขายในประเทศต่างๆ เหล่านี้ และมีแผนที่จะเข้าร่วมงานเทรดโชว์ (Tradeshow) ที่สำคัญๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“สำหรับแผนการขายในประเทศ สายการบินฯ มีแผนที่จะเจาะกลุ่มตลาดนักเดินทางเพื่อธุรกิจ (Corporate Travel) และกลุ่มลูกค้าส่วนภาครัฐเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีอัตราการเดินทางที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มตลาดเหล่านี้ เพราะการบริการของบางกอกแอร์เวย์สตอบสนองการเดินทางของลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังจะมีการออกโปรโมชั่นต่างๆ รวมทั้งการร่วมออกบูธจำหน่ายบัตรโดยสาร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขายล่วงหน้ามากขึ้น เช่น งานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก งานไทยเที่ยวไทย และงานท้าเที่ยวไทยไปสมุย เป็นต้น” นายวรงค์ กล่าวเสริม